ปกติคนเรามักจะมีแผนในใจว่าที่ว่า เดี๋ยวอีก 6 เดือนข้างฉันจะผอม หรือเดี๋ยวปีนี้ฉันจะหุ่นดีแล้ว ความจริงมันก็เป็นเรื่องดีที่เรามีเป้าหมาย และมันก็เป็นธรรมชาติที่ทุกคนอยากจะมีหุ่นสวย
ความจริงแล้วการมีหุ่นสวยไม่ใช่เรื่องยาก แต่การมีหุ่นสวยที่ยาวนานตากหากที่เป็นเรื่องท้าทายกว่า ว่าคุณเป็นคนสวยที่แท้จริงหรือปล่าว
ผมหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะเรามักจะสนใจความสวยงามที่เป็นผลลัพธ์ภายนอก และมองข้ามหนึ่งในที่มาที่สำคัญของความสวยงามนั้น นั่นก็คือความสวยงามที่มาจากภายใน
ผมไม่ได้หมายถึงจิตใจนะครับ แต่หมายถึงสุขภาพภายนอกที่ดี มักมาจากสุขภาพภายในที่ดีจากข้างใน การใส่ใจสุขภาพภายในนั้น จะช่วยดูแลรักษาทั้งสุขภาพร่างกายหรือความสวยงามของเราได้อย่างยาวนานกว่านั่นเอง
งานวิจัยบอกว่าการมี วิธีดูแลระบบย่อยอาหาร ที่ดีนั้น จะช่วยบูทพลังงานและอารมณ์บวกแก่เราได้ เนื่องจากการย่อยที่ดีจะช่วยส่งเสริมการบวนการการหายใจระดับเซลล์ที่ดี หรือ ที่เด็กชีวะเรียกว่า metabolism
ดูเผินๆเหมือนว่าอวัยวะย่อยอาหารอย่างกระเพาะอาหาร ลำไส้ มันเกี่ยวอะไรกันกับระบบเผาผลาญอาหาร แต่มันเกี่ยวกันครับ
รวมทั้งช่วยปรับสมดุลโฮโมนในร่างกายได้ นำไปซึ่งการเชื่อมต่อประสานงานกันระหว่างระบบต่างๆในร่างกายที่มีปีะสิทธิภาพ
การย่อยที่ดีนับว่ามีส่วนทำให้ทั้งสุขภาพกายและใจโดยรวมดีขึ้นได้ มีคำกล่าวที่ว่า ความเจ็บป่วยและสุขภาพที่ดีเริ่มจะสิ่งที่อยู่ในท้องของเรา (สำไส้และกระเพาะอาหาร)
บางคนไปเร่งสวยที่ภายนอกอย่างเดียวและไม่ดูว่าภายในเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีการดูแลดูระบบย่อยอาหารเลย อย่าลืมนะครับว่า ระบบย่อยอาหารมีผลต่อความสวย (หลายคนไม่คำนึงถึงสิ่งนี้)
คุณพยายามลดหุ่น ลดอาหารแค่ไหน แค่ยังไม่ผอมซักที อาจเป็นเพราะเพราะยังมีระบบย่อยอาหารยังดีไม่พอก็ได้นะครับ (กระบวนการ metabolism ทำงานไม่เต็มที่)
เดี๋ยวเราจะมาดูกันนะครับว่า จะมีเทคนิคอะไรบ้าง ที่จะช่วยพัฒนาระบบย่อยของเราให้ดีขึ้น Lets go! ไปดูกันเลย
ให้กิน real foods
ข้อนี้ถือเป็น วิธีดูแลระบบย่อยอาหาร ที่ถูกใจใครหลายคนเพราะเกี่ยวกับเรื่องอาหารเรื่องกิน
Real food คืออาหารที่มีรสชาติดั้งเดิม และผ่านกระบวนการปรุงรสหรือแปลงสภาพน้อยที่สุด ซึ่งสารอาหารอยู่ครบเหมือนออริจินอล source
พวกน้ำตาลขัดสี แป้งแปรรูป และวัตถุปรุงแต่งอาหารนั้น จะเพิ่มความเสี่ยงแก่โรคทางเดินอาหาร หรือความผิดปกติของเนื้อเยื้อและอวัยวะในทางเดินอาหารได้
วัตถุปรุงแต่ง อย่างน้ำตาลกลูโคส เกลือ และสารเคมีอื่นๆ มีส่วนร่วมในการเกิดภาวะสำไส้อักเสบ และอาจนำไปสู่การรั่วของลำไส้
ทั้งนี้ ในอาหารแปรรูปหลายๆอย่างพบว่ามีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งขอเสียของไขมันทรานส์ ก็เป็นที่รู้จักดีว่ามันส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพหัวใจของเรา และที่เราคาดไมถึงคือมันยังเป็นสาเหตุของโรคลำไส้ใหญัอักเสบเรื้อรังอีกด้วย
มีอะไรอีก อ้อ.. อาหารดัดแปลงอย่างพวก low energy drink หรือก็คือเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลเทียม และไอครีม (ไอสครีมก็มีส่วนประกอบของน้ำตาลเทียม) ซึ่งของพวกนี้จะส่งผลในแง่ลบต่อการย่อยอาหาร
มีงานวิจัยระบุว่า น้ำตาลเทียมเพียง 50 กรัม ก็สามารถทำให้ผู้เข้าทดลองจำนวน 70 % เกิดอาการท้องอืดได้แล้ว แถมยังกล่าวอีกว่า มันยังสามารถเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียไม่ดีในลำไส้ได้ และเมื่อจำนวนแบคทีเรียในลำไส้ไม่บาลานซ์กัน ก็จะส่งผลให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวน
เพราะฉนั้นพวกเราจึงควรเน้นที่อาหารออรินอลหรืออาหารที่ไม่ปรุงแต่ง (ผมก็หาคำเรียกไม่ถูกนะครับ ไม่รู้ภาษาไทยเค้าเรียกอะไร): real/whole food และหลีกเลี่ยงอาหารปรุ่งแต่งให้ได้มากที่สุดครับ เข้าใจว่าอาหารปรุงแต่งมันอร่อยกว่าเย้ายวนชวนยั่วใจ แต่อะไรที่มันหวานเค้าบอกว่าเป็นลม อะไรที่มันขมเค้าบอกว่ามันเป็นยานิครับจริงไหม
ให้โฟกัสอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่าไฟเบอร์จะเป็นมิตรกับระบบย่อยอาหารเรามากๆ ผมเคยท้องเสียเป็นเดือนๆ น่าจะ 5 – 6 เดือนติดกัน มีอยู่อาทิตย์คิดอยากลดน้ำหนักเลยซื้อสลัดมาทานมื้อเย็น ทานได้ประมาณ 3 วันได้
ไม่เชื่อว่าท้องผมกลับมาเป็นปกติเฉยโดยไม่ตั้งใจ แต่พอเลิกทานสลัดเท่านั้นแหละครับ (แหมใครจะทานสลัดได้ทุกวันกันล่ะครับ จริงไหม) ก็กลับมาเป็นอีก เข้าใจเลยว่าผักนี้มันดีอย่างที่ผู้ใหญ่บอกเราตอนเป็นเด็กจริงๆ
ไฟเบอร์มีหน้าทีดูดซึมน้ำและเพิ่มมวลให้กากอาหาร ไฟเบอร์หรือใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำจะทำตัวเหมือนแปลงขัดขนาดใหญ่ ลองนึกภาพภายในลำไส้คุณสิครับ ยิ่งถ้าคุณกินอาหารทุกอย่างที่ขวางหน้า และช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหลในลำไส้ source
และมีของหมักของดองแล้ว และถูกขังเป็นขี้เลนติดผนังลำไส้ นึกแล้วมันหน้าเอาแปลงเข้าไปขัดออกจริงๆ แต่ก็ทำเช่นไม่ได้ แต่ใยอาหารหรือไฟเบอร์ทำหน้าที่นั้นให้คุณได้ครับ แถมยังช่วยซึบทุกสิ่งที่ไหลผ่านไปมาในลำไส้ก็ด้วย
แล้วเราจะได้ไฟเบอร์จากไหน แน่นอนครับจากพืชเป็นหลัก อย่างผัก ผลไม้ และในผักผลไม้ยังมีไฟเบอร์อีกชนิดหนึ่งด้วยชื่อ ฟรีไบโอติก ตัวฟรีไบติกจะช่วยระบบย่อยเราแบบอ้อมๆ เพราะมันเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในลำไสเราอีกทีหนึ่ง
เพิ่มไขมันดีในมื้ออาหารของคุณ
การมีระบบย่อยที่ดีอาจต้องการไขมันดีเข้ามาเสริมบ้าง ไขมันจะทำให้เรารู้สึกอิ่มในมื้ออาหาร และช่วยให้เราสามารถดูดซึมสารอาหารที่ละลายไขมันได้ เช่นพวกวิตามินละลายไขมัน เป็นต้น
นอกจากนี้บทความวิชาการยังกล่าวว่ากรดไขมันอย่าง โอเมก้า 3 จะช่วยลดความเสียงการเกิดโรคลำไส้อักเสบได้อีกด้วย
ทำร่างกายให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอด
ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าให้ไปอาบน้ำบ่อยๆนะครับ แต่หมายถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอ (การดื่มน้ำอย่างเพียงพอยังรักษาภูมิคุ้มกันเราให้แข็งแรงได้อีกด้วย อ่านบทความก่อนหน้า)
แน่นอนครับว่าปริมาณน้ำในร่างกายที่น้อยไปจะทำให้คุณเกิดอาการท้องผูกได้ และในการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เราควรดื่มน้ำที่ไม่มีคาแฟอินอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน
และเราก็สามารถดื่มได้อีกมากขึ้น หากเราอยู่ในวันที่อากาศร้อน หรือถ้าคุณไม่ชอบทานน้ำเพียวๆ ก็สามารถทานพวกผักผลไม้ที่มีน้ำเยอะได้เช่นกัน อย่างพวกแตงโม ส้ม องุ่น และอีกผลไม้อมน้ำอื่นๆมากมาย source
ไม่เครียด
ถือเป็น วิธีดูแลระบบย่อยอาหาร ที่ไม่ได้มีผลดีต่อระบบย่อยเองนะครับ แต่ต่อสุขภาพโดยรวมเลยครับ ขึ้นชื่อว่าความเครียดก็ควรสลัดมันออกไปให้เร็ว
ความเครียดจะลดประสิทธิภาพในการย่อยของร่างกายเราได้ มันมีผลโดยตรงกับภาวะการการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (โรคกระเพาะ) และรวมถึงอาการท้องผูก
รู้หรือไหมว่าสมองและระบบย่อยอาหารมันมีการเชื่อมต่อกันโดยตรง เพราะฉนั้น อะไรที่จะส่งผลกระทบต่อสมอง มันก็จะส่งผลต่อระบบย่อยด้วย และความเครียดคือสิ่งนั้น
เราจึงพบว่าคนที่มีสุขภาพจิตที่ดี เช่นคนที่ชอบนั่งสมาธิ เล่นโยคะ มักระบบย่อยอาหารที่ดีด้วยนั่นเอง
เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งโฮโมนความเครียด เมื่อระบบย่อยอาหารของเราเจอโฮโมนตัวนี้ มันจะเข้าใจว่าร่องกายต้องการการพักผ่อนและไม่พร้อมสำหรับการย่อยอาหารในตอนนี้ นำมาสู่ภาวะอาหารไม่ย่อยนั่นเอง
ทั้งที่มีอาหารอยู่ในกระเพาะก็ตาม จึงทำให้การย่อยอาหารนั้นผิดเพิ้ยนไป ในช่วงที่เราเครียด เลือดและพลังงานจะถูกส่งไปเลี้ยงระบบย่อยหารลดลง
เพราะฉนั้น ถ้าคุณอยากมีระบบย่อยที่ดี ก็ต้องมีจิตใจร่าเริงแจ่มใส่ ไม่เครียดกันนะครับ หมั่นเล่นโยคะ นั่งสมาธิกันเยอะๆนะ
นี่เป็น วิธีดูแลระบบย่อยอาหาร แบบพื้นฐานนะครับ เรายังมีแบบขั้นลึกใน EP 2 ถัดไป ” วิธีดูแลระบบย่อยอาหาร ให้คุณสวยหรือหล่อขึ้นง่ายๆ 2 ”



