จะไม่ให้เรียกผักเคล (หรือคะน้าฝรั่ง) ว่าเป็นสุดยอดแห่งผักได้อย่างไรครับ เมื่อเค้ามีค่าตัวแสนแพง เรียกได้ว่าถ้าทุเรียนเป็นคิงแห่งผลไม้
ผมก็อยากจะกล่าวได้ว่าผักเคลควรจะเป็นควีนแห่งผักครับ
อีกทั้งเมื่อรู้ถึงประโยชน์ที่ผักเคลต้นหนึ่งจะมาสารถมอบให้เราได้ เราอาจจะเปลี่ยนคำพูดก็ได้ดครับ ก็อาจจะเขาใจมากขึ้นว่าทำไมราคาถึงแพง
เคลไม่ใช่ผักที่มาใหม่อะไร มันเป็นที่รู้จักดีในหมู่คนรักสุขภาพ
เคลเป็นที่รู้จักกันดีในวงการกินคลีนมาอย่างยาวนาน เชื่อไหมครับว่าผู้คนทั่วโลกยกผักเคลให้เป็นหนึ่งในผักที่มีคูณค่าทางอาหารดีที่สุด ในบรรดาผักทั้งหลาย หรือในบรรดาอาหารทั้งหลายด้วยซ้ำ หรือเป็นหนึ่งในสุดยอดแห่งอาหาร source
ในร้านอาหารหรือภัตาคาร เราจะเห็นว่าผักเคลประดับจานอาหารแทบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเมนู สลัด ซุป สมูทตี้ สปาเก็ตตี้
มีที่มาอย่างไร
เคลจัดอยู่ในกลุ่มพืชมัสตาร์ด มีญาติเช่นพวกกระหล่ำ บล๊อคโคลี่ แต่ใบของเคลจะแข็งกว่ามาก สามารถโตอยู่ในอุณหภูมิที่หลากหลายได้ (ที่ไทยในบางจังหวัดก็สามารถปลูกได้ครับ)
แต่มีต้นกำเนิดเดิมมาจากแถวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลงมายังบริเวณเอเชียตะวันตก (western asia)
ซึ่งตอนนั้นคนท้องถิ่นที่นั่นเค้าปลูกไว้เพื่อทำอาหารนี่แหละครับ ก่อนจะค่อยๆถูกนำไปปลูกยังประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือ
และก็ได้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรปและอเมริกาเป็นต้นมา หลังจากมีการคนพบประโยชน์มากมายของมัน
ในบ้านเราเองก็มีการปลูกเคลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราสามารถหาซื้อมันได้ผ่านฟาร์มเคลโดยตรง หรือในซุปเปอร์มาเก็ต ส่วนราคาสำหรับผมก็ถือสูงอยู่ครับ source
และนี่คือเหตุผลที่ทำมันเคลเป้นสุดยอดของอาหารครับ
มีสารอนุมูลอิสระ อย่างเควอซิทิน แคมเฟอรอล ในเคลจำนวนมาก
สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ ช่วยยับยั่งผลกระทบต่อเซลล์จากกระบวนการ ออกซิเดชั่นหรือการกระบวนการเผาผลาญในเซลล์หรือภาษาชีวะเรียกว่าการหายใจระดับเซล์
เพราะผลกระทบจากกระบวนการเผาผลาญในเซลล์ หรือ เราอาจเรียกสิ่งนี้ว่า สารอนุมูลอิสระ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการแก่ชราของเซลล์ พอเป็นระดับหลายๆเซลล์ ก็จะเป็นการแก่ชราของร่างกายนั่นเอง
นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระก็ยังมีผลดีต่อร่างกายด้านอื่นด้วย อีกหลายๆอย่าง เช่นป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิตได้
เป็นแหล่งยอดเยี่ยมของวิตามิน C
วิตามิน C ก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งเช่นน้ำ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ของเราจากกระบวนการต่างๆ
โดยเคลจะมีวิตามิน C มากกว่าผักอื่นๆหลายเท่าตัว
หรือจะกล่าวได้ว่า เคลเป็นแหล่งของวิตามิน C ที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ source
แถมยังเป็นแหล่งยอดเยี่ยมของวิตามิน K
หน้าที่ของวิตามิน K หลักๆเลย คือช่วยทำให้เลือดเป็นลิ่มในกรณีเกิดบาดแผล การผ่าตัด
มีงานวิจัยกล่าวว่า การมีวิตามิน K ร่างกายอย่างเพียงพอ อาจช่วยลดความรุนแรงจากการกระทบกระทั้งที่กระดูกได้
มันจะช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
และผักเคลเพียง 1 ถ้วยตวง อุดมไปด้วยวิตามิน K ในปริมาณราวๆ 7 เท่าของจำนวนที่ผู้ใหญ่หนึ่งคนควรได้รับ
มีสารเคโรทีนสูง
แคโรทีนเป็นสารที่ทำให้ผักผลไม้มีสีสันต่างๆ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ
ในข้อมูลจากหลายๆที่ บอกว่า ผักเคลมีวิตามิน A สูง แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเท่าไหร่ ความจริงก็คือ สารแคโรทีนที่อยู่ในผักเคลเมื่อเข้าสู่ร่างการคนเรา ร่างกายจะเปลี่ยนสารนี้เป็นวิตามิน A อีกทีหนึ่งต่างหาก source
แล้ววิตามิน A สำคัญอย่างไร?
วิตามิน A จะช่วยซับพอร์ทการเจริญเติบโตของเซลล์ของทารกในครร์ (fetal development) และสุขภาพดวงตา
โดยเฉพาะการบำรุงสุขภาพของดวงตาถือเป็นหน้าที่หลักของวิตามิน A เพราะสารโรทีนอยที่อยู่ในวิตามิน A เมื่อรวมตัวกับโปรตีน opsin ก็จะเปลี่ยนในอยู่ในรูปของ rhodopsin ซึ่งเป็นสารที่สัญคัญในการมองภาพสีต่างๆ และ การมองในที่มืด
หนึ่งในอาหารที่มีสารอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด
อย่างที่กล่าวไว้ตอตนี้ต้นว่าเคลเป็นผักที่อยู่ในตระกูล มัสตาร์ต เช่น กระหล่ำ บล๊อกโคลี่ ซึ่งผักพวกนี้เป็นผักที่มีสารอาหารสูงๆทั้งนั้น
ความจริงตัวผักเคลเองก็มีชนิดที่ต่างกันอีก เช่นเคลใบหยักเคลใบเรียบ (แล้วมีประโยชน์แตกต่างกันไหม? เป็นคำถามครับ)
และเคลสายพันธุ์ที่เราสายสุขภาพคุ้นเคยคือเดลใบหยัก (curly kale) นั่นเอง
ใบเคลที่เราเด็ดมา ที่น้ำหนัก 67 กรัม อัดแน่นไปด้วยไปด้วย
- วิตามิน C: 134 % ของปริมาณที่ต้องการในแต่ละวัน (Dialy value หรือ DV)
- วิตามิน K: 684 % ของ DV
- วิตามิน A: 206 % ของ DV
- วิตามิน B6: 9 % ของ DV
- แมงกานีส: 26 ของ DV
- แคลเซียม: 9% ของ DV
- โพแทสเซี่ยม: 9% ของ DV
- แมกนีเซียม: 6% ของ DV
- ทองแดง: 10% ของ DV
เคล 67 กรัม จะให้พลังงานเพียง 33 cal. เท่านั้น ซึ่งพลังงานนี้มาจาก คาโบไฮเดรต 6 กรัม ไขมัน และโปรตีน 3 กรัม และมีไขมันน้อยมากๆ
แถมชมันที่มียังเป็นไขมันที่มีประโยชน์อย่าง Omega 3 อีก (ไม่ได้มีแค่ในปลานะ ยังมีในผักเคลด้วย)
คนส่วนใหญ่จะรับแร่ธาตุจำเป็นในจำนวนที่ไม่เพียงพอในแต่ละวัน แต่ผักเคลสามารถให้เราได้
เหนือสิ่งอื่นใด ผักเคลสามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้
ผักเคลมีคุณสมบัติมากมายที่มีส่วนทำให้น้ำหนักลดแบบสุขภาพดี เพราะมีพลังงานแคลลอรี่ต่ำ ในขณะที่เนื้อผักเคลยังทำเรารู้สึกอิ่มได้ด้วย (ไฟเบอร์สูง)
และแน่นอนว่ากินอาหารที่มีพลังงานน้อยและมีความอิ่มได้
มันคือสิ่งที่คนอยากลดน้ำหนักมองหา
นอกจากนี้ผักเคลยังมีโปรตีนที่จำเป็น นี่เป็นคุณสมบัติของอาหารที่ควรทานตอนลดน้ำหนักอย่างแท้จริง
สรุป
เคลอาจเป็นอาหารที่เปอร์เฟคสุดๆก็จริง แต่การหามันมาทานยังต้องใช้ความพยายามสูงอยู่ เพราะเคลไม่ได้มีจำหน่ายตามตลาดหรือซุปมาเก็ตทั่วไปเหมือนเมืองนอก
เราอาจต้องสั่งจากฟาร์มโดยตรงหรือไปซื้อที่ร้านสุขภาพโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตามยังมีทางเลือกในการทานเคลง่ายๆ คือผักเคลชนิดผงบรรจุห่อ ที่ชงดื่มเป็นเครื่องดื่มได้แต่แค่อาจไม่ฟินเหมือนได้ดื่มแบบสดๆ หรืออาจจะปลูกไว้ทานเองที่บ้านก็ได้นะครับ
เมนูผักเคลที่แนะนำคือซุป หรือเอามาปั่นเป็นสมูทตี้ ซึ่งเป็นเมนูที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองตอนนี้ เพราะเป็นวิธีที่นำเคลเข้าร่างการได้ง่ายสุด
ถ้าจะให้เคี้ยวผักเคลนี่อาจไม่เหมาะไหร่ด้วยรสชาติและและกลิ่นรวมถึงความเข็งของมันนั่นเอง
เรียกว่าเอาเข้าตรงๆไม่ต้องเคี้ยวครับ
เป็นไงกันบ้างครับ พอได้ทราบสรรคุณทางอาหารของเคลแล้ว ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมครับว่าทำไมเคลถึงถูกยกย่องให้เป็นอาหารแรไอเทมและมีราคาสูงอย่างนี้ ต้องยอมรับครับว่าตลาดสุขภาพในบ้านเรายังมีราคาสูงอยู่ แต่ถ้าเป็นที่ต่างประเทศบอกสำหรับอาหารสุขภาพที่นั่นมีราคาจับต้องได้สบาย
มันถูกกว่าบ้านเรามาก ด้วยกลอะไรทางเศรษฐกิจ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าที่นี่นใครจะทานของทอดก็ทานไป ใครจะทานพิชซ่าก็ทานได้ ใครจะทานอาหารสุขภาพก็ทานไป ราคาแทบไม่ต่างกันมากครับ เราสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย
