ไมโครเวฟเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ทุกที่ แทบทุกบ้าน มันเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์อย่างพวกเราได้ดีสุดสุด
เพียงแค่ 2 นาที่เราก็ได้กินอาหารร้อนๆแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่า นอกจากความร้อนที่มันให้แก่อาหารของเราแล้ว มันยังแถมรังสีปนมากับอาหารด้วยไหม หรือรังสีคลื่นไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารในอาหารของเราลดลงไหม
เลยสังสัยว่าจริงๆแล้ว การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้มันปลอดถัยแค่ไหน
ซึ่งบทความนี้จะอธิบายว่าเตาอบไมโครเวฟสามารถส่งผลต่ออาหารและสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเตาไมโครเวฟกันซักหน่อย
เตาอบไมโครเวฟคืออะไร?
เตาไมโครเวฟคือเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมันจะเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เรียกว่า ไมโครเวฟ
โดยที่คลื่นไมโครเวฟ (ความจริงคำว่าเวฟก็เป็นว่าคลื่นไปแล้วนะครับ) นี้จะกระตุ้นโมเลกุลของอาหาร ทำให้โมเลกุลอาหารสั่นสะเทือนและหมุนไปมา
โมเลกุลจึงเกิดการชนกันกับโมเลกุลอื่นๆรอบๆ และตามหลักพลังงานจลน์แล้ว เมื่อวัตถุ (ในที่นี้คือโมเลกุลของอาหาร) เคลื่อนที่มาชนกันก็จะเกิดเป็นพลังงานความร้อน
ถ้านึกไม่ออก ลองเอาไม้บรรทัดถูกับโต๊ะแล้วลองแตะมันดูครับ เราจะรู้สึกว่ามือเราร้อนขึ้น
ด้วยหลักการนี้ อาหารของเราเลยร้อนขึ้นนั้นเอง เอาเป็นว่า คนคิดค้นเครื่องนี้นี่ฉลาดสุดๆเลยนะครับ
คลื่นไมโครเวฟทำอันตรายเราไหม
เตาไมโครผลิตรังสีไมโครเวฟ
ด้วยคำกล่าวนี้เราจึงรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้วางไว้เท่าไหร่
แต่ความจริงแล้วคลื่นไมโครเวฟเป็นรังสีคนละประเภทกันกับรังสีที่มาจากระเบิดนิวเคลียร์ หรือจากคลื่นจากธาตุที่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย
และเตาไมโครเวฟก็ไม่ได้ผลิตรังสีไอออไนซ์ เช่นเดียวกับที่มาจากโทรศัพย์มือถือคุณ
รู้หรือไม่ ว่าแสงไฟที่ทำให้เรามองเห็นก็เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นกัน และก็ไม่ได้ทำอันตรายเราแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้นให้เราเข้าใจว่าไม่ใช่รังสีทุกชนิดจะเป็นอันตรายหมดนะครับ
แต่อย่างไรก็ไม่ควรเอามือเข้าไปสัมผัสคลื่นไมโครเวฟอยู่อยู่นะครับ เพราะโมเลกุลของมือเราจะสั่นเทือนได้
เตาไมโครเวฟจะมีฝนังที่ทำมาจากเหล็กและประตูที่เป็นแก้วที่หนาพอสมควร เพื่อไม่ให้รังสีผ่านออกมาได้ ดังนั้นคุณมาสารถยืนรออาหารที่กำลังอุ่นอยู่ ใกล้ๆเตาได้ แต่เพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรเอาหน้าหรือศรีษะไปจ่อที่ประตูของเตานะครับ ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 30 cm พลังงานของคลื่นจะลดลงอย่างเร็วตามระยะห่าง
และควรแน่ใจว่าเตาของเรายังทำงานได้ปกตินะครับ หากเตาเก่าเกินไปหรือประตู้ปิดไม่สนิดแล้วก็ควรพิจารณาหาเครื่องใหม่มาใช้นะครับ
คลื่นไมโครเวฟ ส่งผลต่อสารอาหารอย่างไร?
ให้เรารับรู้ก่อนว่าการปรุงอาหารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด ปิ้ง ปั่น จะทำให้สารอาหารลดจำนวนลงอยู่แล้ว
และตัวการที่ทำให้เป็นเอย่างนั้นคือ ความร้อนนั่นเอง และยิ่งโดนความร้อนนานเท่าไหร่ สารอาหารก็ยิ่งลดลงเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่น้ำเดือด วิตามินที่ละลายน้ำจะหลุดออกมาจากผักของเรา
การอบด้วยคลื่นไมไครเวฟก็ทำนองเดียวกัน วิตามินเมื่อโดนความร้อนก็ลดลงได้เช่นกัน
แต่สถานะการณ์ในเตาอบไมโครเวฟอาจดีกว่าการต้ม ทอด เพราะใช้เวลาอบน้อยกว่า และไม่มีน้ำ (เหมื่อนการต้ม) ที่ทำให้วิตามินละลายออกจากอาหารได้
ด้วยเหตุนี้ การอบด้วยเตาไมโครเวฟจึงเป็นวิธีที่ทำให้สารอาหารอยู่ครบกว่าวิธีแบบทอดหรือต้ม
เอาจริงๆ จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าการอบอาหารด้วยไมโครเวฟไม่ได้ทำให้สารอาหารลดน้อยมากลงกว่าวิธีอื่นเลย
มีการทดลองกับผัก 20 อย่าง พบว่าการอบด้วยไมโครเวฟและตู้อบปกติ สามารถรักษาสารต้านอนุมูลอิสระในผักเหล่านนั้นได้เป็นอย่างดี ในขณะดีการปรุงด้วยวิธีการนึ่งหรือต้มนั้นทำได้ไม่ดีพอ
อย่างไรก็ตาม สารอาหารบางอย่างก็อาจถูกทำลายได้ผ่านการการอบด้วยเตาไมโครเวฟได้เช่นกัน source
หรือสารอาหารบางชนิดอาจทำงานได้ดีขึ้นเมื่อผ่านการอบด้วยไมโครเวฟ เช่น การมีพบว่าน้ำนมแม่ เมื่อผ่านการอบในไมโครเวฟ ก็จะมีความสามารถในการป้องกันโซโตเมกาโลไวรัสได้ดีขึ้น source
เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาสารหารเป็นรายชนิดๆไป
ห้ามเวฟอาหารพร้อมบรรจุภัณฑ์พลาสติกเด็ดขาด ทำไม?
พลาสติกหลายชนิดมีสารประกอบที่จะไปก่อกวนโฮโมน ซึ่งก่ออันตรายตามมาได้
เมื่อพลาสติกพวกนี้โดนความร้อน สารประกอบนั้นอาจจะหลุดไปปนเปื้อนอาหารของคุณ
ด้วยเหตุนี้จึงห้ามเวฟอาหารพร้อมบรรจุภันณ์พลาสติกเด็ดขาด นอกจากว่ามันจะมีป้ายเขียนว่า มันเป็นพลาสติกถูกออกแบบมาให้เวฟได้
อย่างไรก็ตามเราควรระวังไว้ก่อน โดยรับรู้ว่าพลาสติกส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายเมื่อโดนความร้อน การเวฟอาหารพร้อมบรรจัภัณฑ์จึงเป็นความคิดที่แย่ความคิดหนึ่ง
โดยไม่สำคัญว่าเราจะอบเร็วหรือนาน
ข้อเสียของการอบด้วยเตาไมโครเวฟ
การอบอาหารด้วยไมโครเวฟก็มีข้อเสียเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเทียบกับการให้ความร้อนอาหารด้วยวิธีอื่น ความร้อนจากเตาไมโครเวฟอาจจะไม่สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งที่ทำให้เกิดโรคในอาหารได้หมด
และมันจะเป็นต้นเหตุของอาการอาหารเป็นพิษนั้นเอง
นั้นเป็นเพราะว่ามันมีความร้อนค่อนข้างน้อยและมักใช้เวลาน้อยในการอบ ความร้อนจึงมักไม่กระจายเข้าไปทุกส่วนของอาหาร
เตาไมโครเวฟรุ่นที่มีจานรองหมุนได้จะดีกว่ารุ่นที่ไม่มี เพราะมันจะช่วยในการทำให้ความร้อนกระจายสู่อาหารได้อย่างทั่วถึงได้มากขึ้น
แม้ว่าเตาอบหลายรุ่นจะมีระบบจานรองอาหารที่หมุนได้ก็ตาม แต่หากเป็นการอุ่นแบบเร็วๆไม่ความร้อนไม่มากพอ ก็ยังอาจมีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ในบางจุดของอาหาร
เพราะฉะนั้นเราจึงแนะนำว่า ควรมั่นใจทุกครั้ง ว่าคุณอุ่นอาหารด้วยความร้อนที่มากพอและนานพอ โดยเฉพาะเมื่ออาหารนั้นผ่านการสัมผัสอาการมาแล้ว
