‘’ ฉันวิ่งไม่ใช่เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่เพราะ อยากมีสมองดี ’’
เป็นบทความที่มีเนื้อหาต่อจากบทความก่อนหน้านะครับ ‘’ สมองดีได้ง่ายๆด้วยการวิ่ง (ออกกำลังกาย) ‘’ หรือเรียกว่าเป็นภาคต่อก็ได้ครับ แต่ครั้งนี้เราจะมาเจาะลึกกันนะครับว่า แล้วมันดีกับสมองอย่างไรบ้าง
ขอเกริ่นอีกครั้งนะครับว่า เรามักจะได้ยินมาแค่ว่า เราควรใส่ชุดกิฬาออกไปวิ่งเช้าเย็นเพราะสุขภาพร่างกายที่ดี เพื่อมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หรือในบางเคส เพื่อเบิร์นข้าวเหนียวไก่ทอดคุณพึ่งกินไปเมื่อคืนแล้วกังวลว่ามันจะเพิ่มน้ำหนักตัวให้คุณ
ซึ่งมันก็ใช่ครับ แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่าในขณะที่เรากำลังดูแลร่างกายด้วยการวิ่งอยู่นั้น เราก็ได้ดูแลสมองเราไปด้วยโดยที่เราหลายคนไม่รู้ตัว เชื่อไหมครับว่าคนที่วิ่งเป็นปกติจะได้รับความรู้สึกมีความสุขจากธรรมชาติมากกว่าคนปกติเป็นพิเศษ และสุขภาพสมองที่ดี เพราฉนั้นถ้า อยากมีสมองดี ก็ไปวิ่งออกกำลังกายกัน ที่นี่เรามีดูเหตุผลกันว่า การวิ่งจะทำให้สมองดีได้อย่างไร
เมื่อคุณเริ่มเคลื่อนตัววิ่ง หัวใจของคุณจะสูบฉีดแรงขึ้น และนำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกายในอัตราที่มากขึ้น ระบบการหายใจ (respiratory) ก็จะทำงานหนักขึ้น มันหมายความว่าคุณได้รับออกซิเจนมากขึ้น และสมองของคุณกำลังจะได้รับรู้ สัมผัสกับการเคลื่อนไหว ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะเมื่อสมองคุณรับรู้สิ่งนั้น มันจะหลั่งสารโฮโมนชื่อว่าเอ็นโดรฟินออกมา สารตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์เกิดกระบวนการฟิน (มีความสุข) เราจึงรู้สึกฟิน
นอกจากการวิ่งจะทำให้เรามีความสุขและผ่อนคลายจากสารเอ็นโดรฟินที่สมองหลั่งออกมาแล้ว การวิ่งรวมทั้งการออกกำลังในรูปแบบอื่นๆก็ยังส่งผลต่อสุขภาพของสมองโดยตรงหลายๆอย่างด้วยกัน ดังนี้
– ขจัดความเครียด –
การวิ่งช่วยทำให้เราควบคุมความเครียดหรือช่วยส่งเสริม กระตุ้นความสามารถของร่งกายให้จัดการกับความเครียดนั้นๆได้ดีขึ้น การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้ร่างกายมีปริมาณ นอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) สูงขึ้น
สารตัวนี้มีความสำคัญมากๆเลยนะครับ เพราะมันคือสารที่จะทำให้สมองเราตอบสนองต่อความเครียดในเวลานั้นๆ ได้น้อยลงพูดง่ายๆว่าช่วยลดอันตรายความเครียดนั้นจะกระทำต่อเราได้ เพราะสมองเราจะตอบสนองกับมันได้น้อยลงจากการช่วยเหลือของนอร์เอพิเนฟริน เพราะฉนั้นหมั่นเพิ่ม นอร์เอพิเนฟริน อยู่เสมอนะครับ ออกไปออกกำลังกายกัน
– ป้องกันการเสื่อมถอยของสมอง –
ข้อนี้ถือเป็นข้อที่สำคัญที่สุดของบทความนี้เลยนะครับ
การดูแลสมองที่จริงแล้ว อย่าไปโฟกัสแค่เพียงว่ากินอะไรแล้วฉลาดนะครับ แต่ให้คำนึงด้วยว่าเราก็ต้องดูแลรักษาสิ่งที่มีอยู่แล้วไม่ให้สึกหรออย่างำร ไม่ใช่การทำงานและโครงสร้างของสมองเสื่อมถอย แม้การวิ่งอาจจะไม่ได้รักษาการอาการสมองเสื่อมได้ตรงๆ แต่อย่างน้อยก็ช่าวชะลอการเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอายุ 45 ขึ้นไปแล้วนี่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงวัยที่สมองอาจสามารถเสื่อมได้ง่าย
การออกกำลังกาย โดยเฉพาะช่วงวัย 25 – 45 จะสามารถกระตุ้นให้ร่ายการสร้างสารเคมีในสมองที่ช่วยในการยับยั้งการเสื่อมของสมองส่วน ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนมี่ทำหน้าที่จดจำและเรียนรู้
– ใจเย็นขึ้น –
สารเคมีที่เกิดขึ้นในขณะที่เราวิ่งและหลังการวิ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกใจเย็นขึ้นได้จากสิ่งเร้าที่ ที่พยายามทำให้คุณหัวเสียในทุกเมื่อ ดูเผินๆ การที่เราใจเย็นขึ้น อาจจะได้ดูเปป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่จริงๆแล้วสำคัญนะครับ เมื่อเราใจเย็นก็สามารถตัดสินใจอะไรๆได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น แถมเมื่อคุณใจเย็นคุณจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขั้นอย่างน่าหลงไหล
– กระตั้นการสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ –
การออกกำลังกายที่เป็นการเคลื่อนไหวและทำให้หัวใจเต้นแรง จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ และยังพัฒนาเซลล์สมองเดิมทั่วสมองให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย การวิ่งนานๆจะทำให้สมองสร้างโปรตีนตัวหนึ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง เชื่อว่าสารตัวนี้จะช่วยทำในการตัดสินใจ การคิดขั้นสูงและการเรียนรู้
– หลับดีขึ้น –
เราอาจเข้าใจว่า แน่นอนสิ เมื่อวิ่งมาเหนื่อยแล้วก็จะนอนหลับได้ดีอยู่แล้วเพราะเหนื่อย ซึ่งผมบอกได้เลยว่ามันก็จริงครับ แต่หนึ่งในเหตุผลอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเราได้วิ่งในช่วงเวลาสัก 5 – 6 โมงเย็น ขณะวิ่งอุณหภูมิร่างกายเราก็จะเพิ่มสูงขึ้นและเมื่อวิ่งเสร็จ อุณหภูมิร่างกายเราก็ลดลงมา ซึ่งการที่อุณหภูมิร่างกายลดลง ร่างกายมันจะเข้าใจไปว่านั่นคือเวลานอนแล้ว และจะง่วงนอนมากขึ้น เรียกได้ว่าถ้าอยากจะได้ยานอนหลับดีๆสักเม็ด ก็ออกไปสร้างยาเม็ดนั้นด้วยตัวเองสิครับ
– เพิ่ม productivity –
เคยเป็นไหมครับ วันไหนได้ออกไปวิ่ง วันนั้นคุณจะมีพลังใจ ฮึกเหิมอยากทำสิ่งต่างๆมากมายเลยในวันนั้น บางคนตอบมาว่า ไม่เห็นเคยเป็นเลย เพราะไม่เคยออกไปวิ่ง อิอิ เอาเป็นว่าผมอยากให้พวกเราลองทำดูแล้วสังเกตุดูครับว่าจริงไหม อย่างผมเองก็ผลัดวันในการเขียนบทความมานาน วันนี้ได้ไปวิ่งมา ก็มีแรงบันดาลใจมานั่งเขียนบทความนี้ได้อย่างน่าแปลกใจเลยนะครับพูดจริงๆ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยญบอกมาว่า ถ้าจะให้การออกกำลังกายนั้นมีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงานมากที่สุด ควรต้องทำช่วงกลางวัน แต่ถ้าตอนกลางวันก็คงเป็นที่ฟิตเนส แต่คุณก็ต้องไปทำงานหรืออยู่ที่ทำงานอีก เอาเป็นว่าให้วิ่งแค่ตอนเช้าหรือเย็นในสวนสารธารณะก็ได้ครับ
– เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ –
เชื่อไหมครับว่าการที่หัวใจเราเต้นแรง มันไม่ได้เป็นการทำให้คุณเหนื่อยฟรี แต่ในขณะนั้นมันกำลังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้คุณอยู่ด้วย บางคนถามว่านั้นผมคงต้องทำงานไปด้วยวิ่งไปด้วยหรือ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นครับเพราะเมื่อหัวใจเราเต้นแรงและหลังจากนั้นไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ++ หลังจากที่หัวใจสูบฉีดแรงๆ มันเป็นช่วงเวลาแห่งการแพรวพราวของความคิด แทนที่จะนั่งจ้องไปที่กระดาษหน้าปล่าว แล้วรอให้ความคิดดีๆหล่นมาจากท้องฟ้า ลองเปลี่ยนเป็นออกไปวิ่งให้เซลล์สมองเคลื่อนไหมดีกว่าครับ รักอาจจะไม่ใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง แต่เมื่อรักทำให้หัวใจเต้นแรง มันจะพราวความสร้างสรรค์แน่นอนครับ ไม่ใช่ๆครับควรเป็นการเต้นของหัวใจจากการออกกำลังกายครับ
เพราะฉนั้นเราลองเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ดูครับถ้าที่เราอยากวิ่งเพราะเรา ” อยากมีสมองดี ” ครับ อาจทำให้เรามีกำลังใจอยากที่ขะออกไปวิ่งมากขึ้น
